เมื่อโรงเรียนย้ายไปยังถนนวิชิตสงครามเป็นที่เรียบร้อยในปี 2538 หกสิบปีแห่งความอึกทึกก็หมดไป กลายเป็นสถานที่พบปะของครูและศิษย์เก่าในบรรยากาศอันสงบ หัวข้อหนึ่งของการสนทนาคืออะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดในอนาคตของสถานที่อันมีความหมายยิ่งแห่งนี้ พร้อมกันนั้นมูลนิธิกุศลสงเคราะห์จังหวัดภูเก็ต(ล้อกเซี่ยนก๊ก)ผู้อุปถัมภ์โรงเรียนได้พิจารณาการทำประโยชน์ในอาคารภายใต้อุดมคติและหลักการของคณะผู้ก่อตั้งโรงเรียน ได้แก่การดำเนินการจะต้องมีคุณค่าในทางการศึกษาและสามารถสร้างประโยชน์แก่ท้องถิ่นได้

ปี 2544 มีดำริที่จะจัดตั้งพิพิธภัณฑ์ชาวจีนโพ้นทะเลในภูเก็ต มีการศึกษา ขุดค้นทางโบราณคดี และออกแบบเค้าโครงขึ้นในปี 2545 (โดยบริษัทแปลนโมทีฟ) ด้วยการสนับสนุนจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต
เมื่อภูเก็ตต้องการนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวในตัวเมืองมากขึ้น การเสริมสร้างกิจกรรมและปรับปรุงสถานที่ต่างๆ ในตัวเมืองเพิ่มขึ้นนับแต่ปี 2545 เป็นต้นมา ผู้ที่มีส่วนร่วมและมองเห็นคุณค่าของความรู้จากอดีตจึงช่วยกันหาข้อสรุปความเป็นไปได้ในการทำพิพิธภัณฑ์ ณ สถานที่อดีตโรงเรียนแห่งนี้อีกครั้ง นำเสนอไปยังประธานมูลนิธิฯ สมบัติ อติเศรษฐ์ จนได้รับการอนุมัติให้ปรับปรุงอาคารและพื้นที่โดยรอบ เริ่มต้นงานสร้างพิพิธภัณฑ์ระยะที่ 1 ในต้นปี 2549 มีอนันต์ เสมอมิตรเป็นผู้จัดการโครงการ วีระศักดิ์ นาวีการดูแลงานออกแบบและข้อมูล ต้นปี 2551 หลังจากเปิดตัวไม่นาน พิพิธภัณฑ์ภูเก็ตไทยหัวก็เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างด้วย “นิทรรศการภาพถ่ายชิโนโปรตุกีส” แสดงภาพถ่ายเก่าของท้องถิ่นและภาพถ่ายวิถีแห่งภูเก็ตอันตระการตาโดยกลุ่มช่างภาพฝีมือเยี่ยมแห่งชมรมถ่ายภาพภูเก็ต พร้อมกับการบรรยายทางวิชาการ “การอนุรักษ์ย่านเมืองเก่า” โดยนักวิชาการระดับชาติจากส่วนกลาง ภายใต้การสนับสนุนของเทศบาลนครภูเก็ต


นิมิตหมายคือ คณะกรรมการอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรม สมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ ตัดสินให้พิพิธภัณฑ์ภูเก็ตไทยหัวได้รับรางวัลอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรมดีเด่น ประจำปี 2551 ประเภทอาคารสถาบันและอาคารสาธารณะ
ปลายปี 2551 หรินทร์ สุขวัจน์เข้ามารับไม้การพัฒนาพิพิธภัณฑ์ระยะที่ 2 ต่อจากวีระศักดิ์ เชื้อเชิญนักวิชาการและผู้รู้ของท้องถิ่นนำโดยสมหมาย ปิ่นพุทธศิลป์ ประธานกลุ่มผู้สนใจประวัติศาสตร์เมืองภูเก็จ พัฒน์ จันทร์แก้ว ฤดี ภูมิภูถาวร ฯลฯ ร่วมจัดทำข้อมูล มีคณาจารย์และศิษย์เก่าของโรงเรียน อาทิเช่น สัญชัย ตั้งธีระสุนันท์ สุทัศน์ รักแต่ตระกูล สายแก้ว ตันวัฒนานิกุล วิภาดา อร่ามเมธาพงศา มงคล สุแสงรัตน์ คอยให้คำปรึกษา สถาปนิกผู้ออกแบบคือคัทลียา วิศาลวิทย์ กราฟิคดีไซน์โดยการณิก ยิ้มพัฒน์ และมัณฑนา หลีสกุล ส่วนงานศิลปกรรมล้วนเป็นฝีมือของช่างชาวภูเก็ตและชาวใต้ ได้แก่ วินัย วิวัฒนวรวงศ์ ขุนสว่าง อนุศิลป์-ประติมากร อาทิตย์ ณ พัทลุง ยงยุทธ รุยันต์-จิตรกร มีเชี่ยวชาญ กรสวัสดิ์ดูแลงานวัสดุและการผลิต สถาบันภาษาจีนศึกษามา-เอ็ดและฐิติกร สุจิรชนานนท์ แปลคำบรรยายภาษาจีน โรงเรียนศิริปัญญา(Earth Language Training Centre)แปลภาษาอังกฤษ แล้วเสร็จกลางปี 2553
คนงาน แม่บ้าน ช่างไม้ ช่างปูน ช่างเฟอร์นิเจอร์ ช่างสี ช่างไฟฟ้า ช่างประปา ช่างกระจก ช่างพิมพ์ ช่างคอมพ์ ช่างแกะสลัก คณะผู้ทำวีดิทัศน์ นักประวัติศาสตร์ นักเขียน อาจารย์ ภัณฑารักษ์ นักศึกษา เพื่อนต่างพิพิธภัณฑ์ และเพื่อนละแวกบ้านของเรา ไม่น้อยกว่า 50 คน เกือบทั้งหมดคือชาวภูเก็ตและคนในพื้นที่ จำนวนหนึ่งเป็นศิษย์เก่าไทยหัว ใช้เวลา 20 เดือน กับงบประมาณกว่าสิบล้านบาท ได้ร่วมงานการเปลี่ยนแปลงอาคารเก่าอายุเกือบแปดสิบปีให้จุติใหม่กับสิ่งที่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง คือ ดำรงการเป็นแหล่งให้ความรู้ของท้องถิ่นนี้ต่อไป